หน้าเว็บ

ค้นหาบล็อกนี้

17 กันยายน 2557

Snowing day in Yufuin

Yufuin No Mori Express


สำหรับคนที่ชอบเมืองชนบทเล็กๆแบบบ้านนอก ที่ให้ความรู้สึกสบายๆ ไม่วุ่นวาย ผู้คนดีมีมิตรไมตรีต่อกันก็ต้องชอบเมือง Yufuin แน่นอน เมืองเล็กๆที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาแห่งนี้ช่างให้บรรยากาศที่แสนสบาย สะอาดสะอ้าน สูดออกซิเจนได้เต็มปอดจริงๆ....


                                                                               เริ่มต้นกันตรงนี้แหละ หน้าสถานีรถไฟ เดินตรงไปเลย


                                                 หน้าสถานีรถไฟจะมีรถม้า และรถลากบริการ

Yufuin อยู่ห่างจาก Beppu เพียง 45 นาทีโดยทางรถไฟที่แสนจะสะดวกไม่ยากเย็นอะไร ตั้งหลักจาก Beppu หรือ Oita หรือจะนั่งยาวจาก Hakata มาก็ได้ มีขบวนรถแบบธรรมดา และแบบสำหรับนักท่องเที่ยวขบวนสีเขียวๆขบวนพิเศษที่รอต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะที่ชื่อ  Yufuin No Mori Limited Expressหากนั่งจาก Hakata จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่งโมง จาก Oita ประมาณ 50 นาที ขึ้นกับว่าจะเจอขบวนไหน พนักงานต้อนรับบนรถไฟก็คัดสรรมาต้อนรับนักท่องเที่ยวจริงๆ บนขบวนรถไฟจะมีบริการให้นักท่องเที่ยวได้สวมหมวกกัปตัน พร้อมถือป้ายที่มีรูปเจ้า Yufuin No Mori ขบวนเขียวๆ พร้อมวันเดือนปี ให้ถ่ายไว้เป็นที่ระลึกฟรีอีกด้วย (แต่กล้องใครกล้องมันนะ) จะขึ้นเจ้ารถขบวนนี้ก็ไม่ยากเย็นอะไร เพียงแต่ถือพาสของเรา (จะเป็น JR Pass หรือ Kyushu Pass ก็ได้ หากไม่มีพวก Pass ต่างๆก็ซื้อตั๋วเป็นเที่ยวเอาก็ได้) ไปยื่นที่เค้าท์เตอร์ Reservation ที่สถานีรถไฟ Beppu หรือ Oita ก็ได้ แล้วพูดว่า Yufunin No Mori Express เอาแบบชัดๆเลยนะคะ (ไม่ต้องอาย เค้ากะเรา ภาษาปะกิดก็แข็งแรงพอๆกันหล่ะค่ะ) แล้วเขาจะถามว่าเอาเวลาไหน แค่นี้หล่ะคะ (อย่าพูดยาวนะคะจะฟังกันไม่รู้เรื่อง 555) ก็รับตั๋วจองที่ระบุที่นั่งพร้อมหมายเลขขบวนและเวลามาได้เลย ระหว่างทางจาก Beppu หรือ Oita ไปเราก็จะได้ชื่นชมธรรมชาติ ต้นไม้ สายธาร และขุนเขาไปเรื่อยๆจนถึง Yufuin พอเดินออกจากสถานีรถไฟก็เดินตรงเลยคะไม่ต้องเลี้ยว ร้านช้อปปิ้ง ที่ระลึกเริ่มระทึกกันตั้งแต่หน้าสถานีไปจนถึงโน้นแหละคะ ท้ายหมู่บ้านที่เป็นทะเลสาป ไม่ช้อปก็เดินเข้าไปชมและชิมกันเลยค่ะออกร้านนี้เข้าร้านโน้นเดี๋ยวก็อิ่มเองหละค่ะ 5555



                                 เจ้าขบวนสีเขียวๆนี้แหละค่ะ Yufuin No Mori Express  



                                       


                                                                                                พนักงานรถไฟ ต้อนรับนักท่องเที่ยวดีมาก



                                               



                          พนักงานเดินถือป้ายยิ้มมาทักทายด้วยภาษาญี่ปุ่นฟังไม่รู้เรื่องเลยยิ้มตอบเฉยๆ พอเห็นมีคนถ่ายรูปด้วยเห็นว่าฟรีรีบวิ่งตามเลย 5555



                         ไป Yufuin เดือนมีนาคมเจอหิมะด้วย ความสวยกับความหนาวมาพร้อมกันเลย 




                                           ถนนหนทางช่างสะอาดสะอ้านน่าเดินจริงๆ




                                                                     ทาโกะยากิยักษ์











                              มีร้านอาหารให้เลือกเยอะแยะ (ราคาก็เยอะเหมือนกันนะ)




                             ร้านอาหารเยอะจนเลือกไม่ถูก (เพราะไม่รู้จะสั่งยังไง 555)






                              สองสาวสนุกสนานไปกับการช้อป และชิมทั้งฟรีและไม่ฟรี 




                                           ร่มรุ่นใหม่จะปรากฎลวดลายเมื่อโดนน้ำฝน



                                                                                                           สัมผัสหิมะแบบจุใจ จนหน้าชา   


                   เดือนมีนาคมดอกซากุระแถบคิวชูเริ่มจะบานก่อนโตเกียวแล้ว (แต่ยังมีไม่มาก)



                                                                                       แวะกันทุกร้าน (แต่ไม่ได้ซื้อหรอกนะ 555)

เดินไปเรื่อยๆหากเจอทางที่เป็นสามแยกก็ให้เดินเข้าถนนด้านขวามือไปเรื่อยๆ ก่อนถึงทะเลสาบจะเจอ Floral Village อยู่ขวามือ แวะเข้าไปถ่ายรูป ช้อปชิมกันก่อนนะคะ เค้าทำเป็นร้านขายของน่ารัก เล็กๆดูแล้วนึกถึงบ้าน Hobbit ใน the lord of the ring ทันที จะซื้อของในร้านเล็กๆเหล่านี้ไม่ต้องเดินหาคนขายนะคะ เลือกหยิบแล้วไปจ่ายตังที่แคชเชียร์ซึ่งมีสองที่ตรงร้านขายไอติด้านหน้ากับด้านท้ายสุด (หลงเดินหาคนขายตั้งนานจนเกือบไม่ซื้อแล้ว) พอเดินสุดร้านบ้าน Hobbit ทั้งหลายแล้วก็จะเจอร้านของที่ระลึกใหญ่ๆ


         
                     ด้านหน้า ส่วนด้านหลังจะเป็นที่จอดรถทัวร์ท่องเที่ยว (ทัวร์ไทยเราลงเยอะ)



                                                   ดูเล็กๆเหมือนบ้าน Hobbit เลย










เดินหาร้านไหนก็ไม่มีคนขาย ที่แท้ให้มาจ่ายตรงนี้เอง (บ้านเราขนาดมีคนนั่งเฝ้าของยังหายเลยนะ)



                                        จาก Falral Village ก็เดินต่อไปอีกเรื่อยๆ 





                                                            เจออะไรก็น่ากินไปหมด



                                                    หันไปทิศไหนก็เจอภูเขาล้อมรอบ


        เดินไปเรื่อยๆ เห็นคนเยอะๆทางไหนก็เดินตามเค้าไปเดี๋ยวก็เจอทะเลสาป



                                                                              
             

                              ตรงทะเลสาปจะมีโรงแรม มีร้านกาแฟ ร้านอาหาร สารพัด




ยังมีออนเซ็นและที่เที่ยวๆอื่นอีกมากที่ยังดูไม่ทั่ว หากได้มาคราวหน้าจะเลือกพักที่นี้แน่นอน  สักวันคงมีโอกาสได้มาเยือนอีกครั้ง YuFuIn.........


19 กรกฎาคม 2557

Oita - Hyotan Onsen (ออนเซน แบบส่วนตัว)


Oita - Hyotan Onsen


นื่องจากว่าซื้อ นอร์ธ คิวซูพาส แบบ 5 วัน ซึ่งใช้ขึ้น รถไฟธรรมดาและ เอ็กซเพลส ของเจอาร์ ได้ทั้งหมด ส่วน Shinkansen ใช้ได้เฉพาะเส้นทาง  Fukuoka – Kumamoto เท่านั้น  ฉะนั้นจาก ฟูกูโอกะ ไป โออิตะ เราก็เลยใช้บริการขบวน Limited Express Sonic วิ่งตรงไม่ต้องเปลี่ยนขบวนใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ช.ม แล้วแต่ว่าจะขึ้นขบวน โซนิคที่เท่าไหร่  เส้นทางนี้เดินทางยาว  ถ้าสำรองที่นั่งไว้ล่วงหน้าก็จะเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย เผื่อไปหลายคนจะได้นั่งด้วยกัน ทั้งไหนจะกระเป๋าอีก

คิวชูพาสนี้ก็ยังแบ่งออกเป็นเป็นแบบ All Kyushu area กับแบบ Northern Kyushu area ก็เลือกเอาว่าแบบไหนเหมาะกับแผนการเดินทางของเรา  ดูรายละเอียดและราคาได้ที่นี้ Kyushu Pass หากไม่ได้ไปเที่ยวไกลลงไปเกิน โออิตะ  ก็เลือกเฉพาะ Northern Area ก็พอ ประหยัดเงินไว้ลองชิมขนมแปลกๆดีกว่า 

รูปปั้นอะบุระยะขุมะฮะชิหน้าสถานีรถไฟเบปปุ

Beppu กับ Oita ห่างกันแค่ 10 นาที เวลาเลือกโรงแรมก็เลือกพักที่ เปบปุ หรือ โออิตะ ก็ได้ เพราะคิวชูพาส ใช้ขึ้นลงรถไฟได้กี่รอบก็ได้ตลอดอายุพาส

Hyotan Hot Springs

ไปออนเซนแบบส่วนตั๊ว ส่วนตัวกันเถอะ  อยากจะออนเซนแต่อาย... ก็แหม...แก้ผ้าล่อนจ้อนเดินสวนกันไปมาแบบนี้ใครจะทำใจได้  คนที่เดินสวนกับเราเขาคงไม่คิดอะไร แต่เรานี้สิ ...55555  ในเมื่อใครๆก็บอกว่ามาญี่ปุ่นไม่ออนเซนมันไม่ครบสูตรการท่องเที่ยว ก็เลยเลือกที่จะไปแช่น้ำพุร้อนแบบส่วนตัวดีกว่า (บรรยากาศอาจจะตื่นเต้นน้อยกว่าออนเซนรวม แต่มันสบายใจมากกว่าเยอะเลย)

ที่ Hyotan Onsen นี้มีออนเซนทั้งแบบรวม และแบนส่วนตัวแต่แบบรวมจะใหญ่ มีหลายบ่อให้แช่ และสวยกว่า และมีออนเซนทรายร้อน (ฝังทราย) รวมทั้งร้านอาหารด้วย

ากสถานี Beppu ให้เดินออกทางประตูทิศตะวันออก แล้วมองหา หรือถามเอาก็ได้ว่า รถเมล์คันไหนไป Kannawa Onsen รถเมล์จะพาชมวิวเมืองเปบปุแล้วขึ้นเขาไปเรื่อยๆ ให้บอกโชเฟอร์ว่าจะลง Jigokubara แต่ถ้านั่งเลยขึ้นไปเรื่อยๆก็จะไป Kannawa ไปดูบ่อนรกต่อเลย




นั่งชมวิวไปเรื่อยๆพอถึงป้ายเค้าจะเรียกเราให้ลง แต่เราสังเกตป้ายเองก็จะดีนะ เผื่อโชเฟอร์ลืมเรียก  นั่งไปสัก 23 นาที ก็ให้เริ่มสังเกตด้านซ้ายมือดูป้าย Hyotan Onsen  พอเห็นป้ายก็ให้เดินไปรอลงได้เลย เพราะถัดไปนิดเดียวก็เป็นป้าย  Jigokubara



พอเดินเข้ามาข้างในก็จะเจอ ออนเซนเท้าฟรี 




ให้บอกพนักงานที่ออนเซนว่า Family Bath แล้วเขาจะเอาเมนูมาให้เลือกว่าจะเอาห้องแบบไหน 1 ห้องลงได้ 3 คน อยู่ได้ 1 ชม. หากอยู่เกิน 1 ชม.เค้าก็จะคิดราคาเพิ่ม ราคาห้องละ 2150 เยน  ถ้าไม่ได้เตรียมผ้าเช็ดตัวไปก็ต้องเช่าเพิ่มอีก 150 เยน จ่ายเงินเสร็จสรรพ พนักงานก็จะพาไปเปิดห้อง และแนะนำการปล่อยน้ำพุร้อนให้ แล้วเราก็ดูนาฬิกาให้ดีว่าจะครบ ชั่วโมงตอนไหน



ก่อนลงแช่น้ำพุร้อนก็ให้เราอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้เรียบ ร้อยก่อน แล้วค่อยๆหย่อนขาลงไปแช่ช้าๆ (อย่ากระโดดลงทั้งตัวทันทีนะ เพราะมันร้อนมาก แล้วคุณก็จะกระโดดขึ้นจากบ่อทันที  
ทีนี่แหละทุกคนจะหันมามองกันหมด 55555) พอลงแช่ได้ทั้งตัวก็นั่งสักพักนึง ไม่ต้องว่ายนะนั่งแช่เฉยๆก็พอ แล้วก็ขึ้นมาเอาน้ำเย็นราดตัว จะทำให้รู้สึกสบายยยยยยย ตัวมาก  แช่ร้อนเย็นสลับกันแบบนี้สัก 3 – 4 ครั้ง ก็ครบชั่วโมงพอดี แต่ถ้าแช่บ่อรวมก็ไม่จำกัดเวลา จะอยู่ถึงเย็นเลยก็ได้ ถ้าไม่หมดแรงเป็นลมคาบ่อซะก่อน หรือว่าจะอยู่รอดูคนเดินเปลือยในนั้นจนถึงเย็นก็ได้ 5555




ห้องส่วนตัว ออนเซนกันสามคน เราก็นั่งหันหลังให้กัน 555



เลือกห้องส่วนตัวแบบ out door 

มีห้องอบไอน้ำให้ด้วย ไอน้ำก็มาจากน้าพุร้อนนั้นแหละ 

ก่อนจะลงแช่ก็ต้องชำระร่างกายให้สะอาดก่อน


ออนเซนเสร้จก็ออกมาหาอาหาร


ไข่ตุ้มจ้าไข่ตุ้มจากน้ำพุร้อน ใบละ 70 เซ็น บริการตนเอง วางเงินในตะกร้าแล้วหยิบได้เลยจ้า (ถ้าบ้านเราก็จะเหลือแต่ตะกร้ากับเปลือกไข่ 555)


กินไข่ตุ้มจากน้ำพุร้อนแล้วจะอายุยืน (เฮียศักดิ์แกว่ายังงั้น 555)

สบายตัวแล้วก็เตรียมตัวกลับ

น้ำพุร้อนที่หน้าสถานี เปบปุ







14 กรกฎาคม 2557

Fukuoka - Dazaifu

Fukuoka - DaZaifu

ที่ยวเมือง ฟูกุโอกะ แบบสบายๆ ง่ายๆกว่าโตเกียวเยอะเลย เครื่องการบินไทยจากกรุงเทพขาไปบินแค่ 4.30 ช.ม เอง ส่วนขากลับใช้เวลา 5.45 ช.ม

จากสนามบินฟูกุโอกะ เข้ามาในตัวเมืองก็แสนสะดวกรวดเร็วด้วยรถไฟใต้ดินเพียงแค่ สิบกว่านาทีเอง พอผ่าน ต.ม และรับกระเป๋าเสร็จสรรพเดินออกมาประดูด้านหน้าก็มองหารถ Free Shuttle bus (สนามบินไม่ใหญ่ ไม่ต้องกลัวหลง) ที่วิ่งวนระหว่าง Domestic กับ International และ Cargo ก็ขึ้นได้เลยแล้วไปลงที่ป้าย Domestic พอลงปุ๊ป ก็จะเจอสถานีรถไฟใต้ดินปั๊ป ซื้อตั๋วที่เครื่อง หรือที่เจ้าหน้าที่ก็ได้ (เลือกสาย Kuko Line) ถ้าไปลงสถานี JR Hakata ก็คนละ 260 เยน ใช้เวลาแค่ 6-7 นาทีเอง



ารซื้อตั๋วรถไฟใต้ดินที่นี้ก็ต้องดูแผนที่ตรงเหนือเครื่องขายตั๋วว่าจากจุดที่เริ่มต้น ไปถึงจุดหมายปลายทางของเรามันราคาเท่าไหร่ แล้วก็เลือกราคาในเครื่องขายตั๋วได้เลย เปลี่ยนเมนูในเครื่องเป็นภาษาอังกฤษแล้วก็จิ้มได้เลย  แต่หากจนปัญญาในการดูแผนที่รถไฟจริงๆ ก็โน้นเลยเจ้าหน้าที่รูปหล่อใจดีที่นั่งอยู่ในห้องตรงตรวจตั๋วช่วยได้เสมอแม้จะพูดกันคนละภาษาแต่เราก็เข้าใจกัน ไม่เคยผิดหวังเลยช่วยเหลือเป็นอย่างดี

จากสนามบินฟูกุโอกะ นั่งมาแป๊บเดียว ก็ถึงสถานี ฮากาตะ JR Hakata จองที่พักที่ Hakata Green Hotel ซึ่งอยู่ติดกับสถานีรถไฟ (เดินออกประตูด้านหลังของสถานี) เลยสะดวกมากๆเพราะในสถานีฮากาตะเต็มไปด้วยร้านอาหาร ร้านโซบะ และร้านค้ามากมาย และร้าน Family Mart ราคาที่พักก็ไม่แพงมาก เน็ตก็แรงทันใจ แต่เสียอย่างเดียว ห้องเล็กมาก แต่ก็เป็นธรรมดาหล่ะค่ะ you get what you pay for  (อยากได้ห้องใหญ่ก็คงต้องจ่ายแพงๆ) แต่ไม่เป็นไรเอาทำเลสะดวกไว้ก่อน

ที่เที่ยวในเมืองฟูกุโอกะ ก็มีเยอะแยะแต่เสียดายทริปนี้ทำการบ้านมาน้อยเลยเก็บไม่ค่อยหมด จากสถานีฮากาตะเดินออกประตูด้านหน้า (อาจจะงงสักหน่อยว่าด้านไหนด้านหน้า ประตูสองด้านมันก็ดูใหญ่โตระโหฐานเหมือนกันทั้งสองด้าน เอาเป็นว่าถ้าจะไป Canal City แหล่งช้อปปิ้งอีกห้างหล่ะก็ให้เดินออกประตูนี้ ส่วน Hakata green Hotel จะอยู่ประตูด้านตรงกันข้าม

ด้านหน้าของสถานี JR Hakata ในอาคารจะมีร้านค้า ร้านอาหาร ให้เลือกช้อปเลือกกินมากมาย



ล้วข้ามถนนเดินตรงไปเรื่อยๆประมาณ 10 ถึง 15 นาทีแล้วแต่ว่าคุณจะขาสั้น ขายาว แค่ไหน พอเจอร้าน 7-11 ก็จะเจอร้าน Uniqlo ก็นั้นแหละ Canal City ติดกับร้าน Uniqlo ก็เป็นโรงแรม Dormy Inn โรงแรมนี้ก็น่าพักเหมือนกัน แต่แพงกว่า Hakata Green Hotel เดินตรงไปเรื่อยๆอีกจนถึงสี่แยกที่มีสะพานลอยข้ามถนนให้สังเกตุร้านซูปเปอร์มาร์เก็ตที่ตรงหัวมุมด้านขวามือ Gourmet City Fukuoka (ซูปเปอร์ร้านนี้ขาย KitKat ชาเขียวแบบถุง ถุงละ 285 เยน ถูกกว่าร้านในสถานี Hakata ขาย 350 - 390 เยน) จาก่ตรงหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตนี้ข้ามถนนไปอีกแล้วเดินเข้าซอยก็จะเจอที่ช้อปปิ้งเป็นถนนยาวแต่สินค้าคล้ายๆตลาดนัดบ้านเรา ตรงพื้นถนนจะมีรูปอันปังแมน สังเกตุด้านขวามือจะเห็นทางเข้าวัดเก่าแก่ Kushida Shrine ด้วย วัดนี้สวย จริงๆแล้วของขึ้นชื่อของ ฟูกูโอกะ อีกอย่างก็คือร้านอาหารข้างทาง เป็นร้านเล็กๆที่ขายอาหารข้างทาง เรียกว่า Yatai แต่เสียดายเดินหาอยู่ตั้งนานไม่เจอ เดินจนเหนื่อยถึงได้รู้ว่า วันนี้เป็นวันอาทิตย์ ร้าน Yatai ทั้งหลายพากันหยุด ไม่เป็นไรรอตั๋วโปร ลดราคาแล้วค่อยไปเดินหาอีกที


DaZaiFu

มืองดาไซฟุ อยู่ไม่ไกลจากฟูกุโอกะ ไปประมาณ 40 นาที นั่งรถไฟไปเช้าเย็นกลับได้  เป็นเมืองชนบทเล็กๆ บรรยากาศแบบโบราณๆมีศาลเจ้าที่ผู้คนนิยมไปขอพร

วิธีเดินทางจากสถานี Hakata นั่งรถไฟใต้ดินสาย Kuko line ไปลงสถานี Tenjin ซื้อตั๋วที่เครื่องก็กดราคา 200 เยน พอลงที่ Tenjin แล้วก็หาทางเดินขึ้นมาบนสถานีรถไฟ (บนดิน) ให้มองหาชื่อสถานี NISHITETSUFUKUOKA  อันนี้จะหายากนิดนึงให้มองป้ายดีๆ พอหาเจอแล้ว ก็ซื่อตั๋วไป Dazaifu (ประมาณ 390 เยน ราคาอาจแตกต่างกันไปตามแต่ว่าจะเลือกขบวนไหน) ขึ้นขบวน Nishitetsu Tenjin-Omuta Line Exp. แล้วไปลงสถานี  Nishitesufutsukaichi แล้วเปลี่ยนขบวนเป็นขบวน Nishitetsu Dazaifu Line นั่งไปจนสุดสาย(การรถไฟญี่ปุ่นส่วนมากเวลาช่วงเปลี่ยนขบวนเค้าจะจัดเวลาให้ลงตัวกันพอเหมาะพอเจาะนะคะ คือพอลงจากขบวนนี้ปุ๊ป อีกขบวนก็จะจอดรอรับเลย กะเวลาให้คนเดินมาเปลี่ยนขบวนพอดิบพอดีก็จะออกเลย) หากจะเลือกนั่งขบวนอื่นก็ได้ตามแต่สะดวกและเวลาที่อำนวยซึ่งสอบถามเจ้าหน้าเอา

ชานชลาที่สถานีดาไซฟุ


อเดินออกจากสถานี Dazaifu ก็เดินเลี้ยวไปทางขาวมือเลย จะเห็นถนนสายยาวๆ ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยร้ายขนมพื้นเมืองและของที่ระลึก แนะนำให้ลองชิมทุกร้านเลย 5555 จะได้ไม่เสียเที่ยว


ถนนสายนี้ไม่ยาวเท่าไหร่ แต่ใช้เวลาเดินนานมากเพราะหยุดชิมขนมเป็นระยะๆ










ร้านกาแฟ Starbucks สาขาดาไซฟุ มีเอกลักษณ์โดดเด่น





เดินไปจนสุดถนนจะเจอประตูโขงญึ่ปุ่น






จะเห็นต้นบ๊วยเรียงรายเต็มไปหมด ด้านซ้ายมือจะเห็นสะพานสีแดง (สะพานแบบโบราณที่ญึ่ปุ่นที่เห็นก็มีแต่สีแดง) พอข้ามไปจะเป็นศาลเจาดาไซฟุ



เห็นดอกบ๊วย นึกว่าซากุระ 555 








ไหว้พระขอพรเสร็จแล้วเดินออกด้านซ้ายมือจะเจอร้านเพิงหมาแหงนขายหมึกย่าง กับร้านไก่ย่าง อย่าลืมชิมหมึกย่างไม้ละ 500 เยน อร่อยมากแต่เหนียวไปนิดนึง (ฟันปลอมต้องระวังเป็นพิเศษ)






ไม่รู้ว่านอกจากถนนสายโบราณเส้นนี้แล้วในตัวเมืองดาไซฟุจะมีอะไรน่าสนใจมั๊ย แต่วันนี้มีเวลาแค่นี้ คงต้องรอโอกาศหน้า (ถ้ามีตังค์) ค่อยมาสำรวจอีกก็แล้วกัน :-)