หน้าเว็บ

ค้นหาบล็อกนี้

10 มีนาคม 2568

Nakasendo trail - Magome Juku

 





Nakasendo Trail คือชื่อของเส้นทางที่บรรดา พ่อค้า และ ซามูไร ใช้เดินทางจาก เกียวโต - โตเกียว ในสมัยก่อน โดยจะมีจุดแวะพักระหว่างเดินทาง 69 จุด (ปัจจุบันเหลือกี่จุดไม่แน่ใจ)  และ มาโกเมะ Magome Juku ก็เป็นหนึ่งใน 69 จุดพักที่ยังคงรักษาสภาพไว้ได้ค่อนข้างสมบูรณ์ ห่างจาก มาโกเมะ ไป 8 กิโล จะเป็นอีกจุดแวะพักสมัยโบราณคือ Tsumago ซึ่งระยะทาง 8 กิโลเนี้ย นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกชอบมาเดินกันมาก (Hiking)  ส่วนไทยเราก็ขอเดินถ่ายรูปแค่ใน Magome ก็พอ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว 😁

จากสถานี JR Nagoya ก็ขึ้นรถไฟไปลงสถานี Nakastugawa ใช้เวลาประมาณเกือบ 1 ชั่วโมง มีรถไฟออกทุก 30 นาที เสร็จแล้วจากหน้าสถานี ก็ต้องต่อรถบัส (น่าจะเป็นสาย M) ไปอีก 25 นาที แต่ว่ารอรถนานหน่อย 2 ชั่วโมงมาคันนึง พวกเราก็เลยเหมาแท็กซี่ไป 3,650 เยน ไปกัน 4 คน หารกันก็โอเค แท็กซี่ขับลัดเลาะขึ้นเขาไป 10 กว่านาทีก็ถึง ด้านหน้าหมู่บ้านจะมี Tourist Info ให้คำแนะนำและแผนที่ทางเดิน และรายละเอียดสถานที่ในหมู่บ้าน แต่ว่าเมืองไม่ได้ซับซ้อนอะไร ก็แค่เดินขึ้นเขาชมร้านค้า ชมวิว ไปเรื่อยๆ ไม่มีทางให้เลี้ยว ถ้าหากเดินเพลินไปได้ถึง 8 กิโล ก็จะ Tsumago พอดี 😆😆 สำหรับคนที่ชอบความโบราณ เดินที่เมืองนี้จะมีความสุขมาก บ้านเรือนโบราณ วิวธรรมชาติ อากาศดีสุดๆ


เดินตรงไปเรื่อยๆ จนสุดหมู่บ้าน



สองข้างทางมีร้านค้าให้ชมเพลินๆ


เดินเหนื่อยแล้วก็แวะพักเป็นระยะๆ



แวะทุกร้าน แต่ไม่ได้ซื้อสักร้าน



โรงเตี๊ยมโบราณ อายุ 110 ปี แต่ยังคงเปิดให้บริการอยู Tajimaya Ryokan



ขนมอะไรไม่รู้ชื่อ แต่อร่อยดี


มีร้านกาแฟ ร้านชาเขียว



    จากจุดชมวิวนี้ ก็จะเป็นทางเดินไปยัง Tsumago 




ฟ้าก็สวย แต่แดดก็แรงมาก


เดินจนร้านรวง จะปิดกันหมดแล้ว ก็มารอแท็กซี่กลับไปสถานี Nakatsugawa เพื่อต่อรถไฟกลับ นาโงยา กัน อ้อ..เวลาเรียกแท็กซี่ส่วนมากเราจะขอให้ทาง Infor Center หรือ ร้านค้า ร้านอาหาร เขาเรียกให้ ทุกร้านให้ความช่วยเหลือในการเรียกแท็กซี่ดีมาก ประทับใจจริงๆ













09 มีนาคม 2568

Gujo Hachiman เมืองแห่งสายน้ำ

 

 

Gujo Hachiman เมืองเล็กๆที่วิวใหญ่มว๊ากก   อยู่ไม่ไกลจาก นาโงยา มีเดย์ทัวร์จากนาโงยา มาได้ แต่ถ้ามีเวลาก็อยากแนะนำให้มาค้างที่นี้สักคืน เพราะวิวตอนเช้าตรู่ ปั่นจักรยานชมเมืองมันสวยและสดชื่นจริงๆ 

พวกเราไปเที่ยวเกโระ ออนเซน ก่อนแล้วค่อยมา GuJo โดยขึ้นรถไฟมาลงที่เมือง กิฟุ แล้วนั่งรถบัสไปถึง Gujoได้ แต่พวกเราเลือกเดินทางโดยรถไฟ เพราะกะว่าจะได้ชมวิวสวยๆ สองข้างทาง ตามที่เขาแนะนำในเวป จึงต้องนั่งรถไฟจาก เกโระ มาลงที่ กิฟุ แล้วจาก กิฟุ ต่อรถไฟอีกสายไปลงที่เมือง Mino Ota แล้วค่อยต่อด้วยขบวน Nagara River Railway ซึ่งเป็นรถไฟที่หวานเย็นเจี๊ยบ เป็นที่นั่งแบบแถวยาว 2 แถว จอดทุกสถานีรวม 26 สถานีเขาบอกว่าใช้เวลา 1.15 ช.ม แต่ความรู้สึกเราบอกว่า ประมาณ 3 ชั่วโมงได้ 😂😂😂 ส่วนวิวข้างทางก็ไม่ได้ดูเพราะหลับๆตื่นด้วยความเมื่อย มันนานมาก แต่ลวดลายรถไฟเขาทำสวยนะคะ







ลวดลายด้านในรถไฟ

มาถึง Gujo ก็ตอนเย็นๆแล้ว เจ้าของที่พักก็มารอรับที่สถานีรถไฟ พวกเราจองที่พักแบบเป็นบ้านเป็นหลัง ซึ่งเป็นบ้านโบราณ อยู่ตรงถนนสายโบราณ shokuninmachi ที่ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม แต่ด้วยความเป็นบ้านโบราณเราก็เลยรู้สึกหลอนนิดๆ (เฉพาะเรานะ)  ขั้นล่างเขาก็รีโนเวทให้ค่อนข้างทันสมัยมีครัว มีห้องน้ำ มีฮีตเตอร์ที่พื้นเปิดนนอนกลางคืนอุ่นดีมาก ส่วนชั้นบนก็แบบดั้งเดิมอยู่  เจ้าของบ้านอัธยาศัยดี ให้ความช่วยเหลือดีมาก และมีจักรยานให้ใช้ 2 คัน  

เนื่องจากเป็นเมืองเล็กๆ ร้านค้าก็ปิดเร็ว ร้านอาหารใกล้ๆที่พักก็มีมาก ไปร้านไหนก็เต็ม มื่อค่ำวันนี้เลยต้องขี่จักรยานไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ  



บ้านพัก Nomad Inn ตั้งอยู่ถนน shokuninmachi ซึ่งเป็นถนนโบราณที่ถูกอนุรักษ์ไว้ บ้านเรือน 2 ข้างเป็นรูปทรงเดียวกันมีคลองน้ำเล็กๆไหลผ่านหน้าบ้านทั้งสองฝั่ง และทุกบ้านจะแขวนถึงน้ำไว้หน้าบ้าน เพราะเคยมีเหตุไฟไหม้ใหญ่ในย่านนี้ในสมัยก่อน
 

Nomad Inn มีจักรยานให้ใช้ 2 ค้น ด้านหลังติดลำธาร



วิวตอนเช้าตรู่




ถ่ายมุมไหนก็ได้วิวสวย




ตอนเช้าๆยังไม่มีรถราเยอะ ปั่นจักรยานสนุกมาก


วิวนี้เป็นอีกสะพานถัดมา ก็สวยไม่แพ้สะพานแดงอันแรก



 พอเริ่มสายจะปั่นไม่ค่อยสนุกเพราะ รถเยอะ นักท่องเที่ยวแบบเดย์ทัวร์ มาเช้า เย็น กลับโดยเฉพาะคนจีนมาเยอะมาก 



ปั้นไปเรื่อยๆรอบเมือง ก็จะเจอวิวสวยแบบนี้ และไม่ต้องกลัวหลงทางเพราะเมืองไม่ใหญ่







ถ่ายรูปเหนื่อยแล้วก็แวะพักชิมร้านดังที่เขาแนะนำกัน ... ก็อร่อยสมกับคำแนะนำนะคะจนต้องสั่งซ้ำอีก



ฟาร์เฟ่ต์ ชาเขียวน่าจะเป็นเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้ ก็อร่อยดีค่ะ ร้านนี้อยู่ตรงเชิงสะพาน Sogi Spring



Yanaka Komichi Lane ตรอกยานากะ อีกหนึงมุมมหาชนของเมืองนี้



เห็นปลาคราฟในคลองน้ำที่มีอยู่รอบเมือง แต่ไม่แน่ใจว่าเขาเลี้ยงไว้ หรือมีตามธรรมชาติ เพราะเห็นไม่ว่ายไปที่อื่นเลยอยู่แต่ตรงนี้


เมืองนี้ขึ้นชื่อในการผลิดอาหารจำลองที่ใช้โชว์ตามร้านอาหาร ร้านนี้อยู่กลางเมืองมีคอร์สสอนทำด้วย


พวงกุญแจแบบนี้ที่นี่ราคา 600-700 เยน แต่เห็นที่ดองกี้ในนาโงย่า อันละ 1,400 เยน ทีเดียวแบบเดียวกันนี้แหละ



อีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวตามหา เมืองนี้เป็นเมืองเล็กเดินเที่ยวได้สบาย แต่ละจุดหาไม่ยากค่ะ


ใบไม้เพิ่งจะเริ่มเปลี่ยนสี 



ขากลับเลือกใชับริการรถบัสแล้วค่ะ รถไฟก็หวานเย็นเกิ้น.....ยังมีอีกหลายที่ ที่ไม่ได้แวะ หวังว่าคงมีโอกาสมาเยือนกูโจอีกสักคร้้ง ปราสาทกูโจ ก็อยากไปแต่ไม่รถวิ่งต้องเดินอย่างเดียว  เขาบอกว่าเดินประมาณ 20 นาที แต่ถ้าเราเดินมันน่าจะใช้เวลานานกว่านั้นเพราะขึ้นเขา ก็เลย ขอสละสิทธิ์ เพราะต้องถนอมเข่าไว้ไปอีกหลายที่ 😄😄 






08 มีนาคม 2568

GERO ONSEN

 




ก็ไม่รู้ว่า ชาลี แชปลิน ไปแช่ออนเซนที่ เกโระ หรืออย่างไร แต่รูปปั้นชาลีนี้ก็กลายเป็น 1 มุมที่ต้องถ่ายสำหรับผู้มาเยือนเกโระแล้ว


13 พฤศจิกายน 2567 จาก กรุงเทพ ไปลงสนามบิน ชุบุ เซ็นแทร นาโงยา (Chubu Centraia Airport) สายการบินที่บินตรงจากกรุงเทพไปนาโงยา ตอนนี้ก็มีเพียง การบินไทย กับ แอร์เอเชียเอ็กซ์ นะคะ

ากสนามบินชุบุเซ็นแทรร์ (สนามบินนาโงยา) เดินทางเข้าตัวเมืองโดยรถไฟสาย Meitetsu เท่านั้นนะคะ เจ้าเดียว ไม่ต้องมองหา JR ใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองประมาณ 30 -50 นาทีแล้วแต่ว่าจะเลือกขบวนไหน จะเร็วหรือช้า ก็ขึ้นกับราคาตั๋วค่ะ แต่สุดท้ายทุกขบวนก็ไปถึง สถานี Meitetsu Nagoya เหมือนกัน สถานี Meitetsu Nagoya นี้จะอยู่ติดกับสถานีของ JR เลย คือเดินๆอยู่ก็นึกว่าเป็นอาคารเดียวกันซึ่งเป็นสถานีที่ใหญ่มากอาจจะไม่ใหญ่เท่าสถานีโตเกียว แต่ก็ทำเอาหลงทางอยู่หลายวัน ในสถานีมีร้านช้อป ร้านอาหารครบถ้วน อ้อ...มีร้าน GU และ Uniqlo อยู่ชัน 11 ของอาคาร JR Gate Tower ด้วย เสื้อผ้าร้าน Gu น่าช้อป น่าใข้ นะคะ เรียกว่า Gu เป็นญาติกับ Uniqlo แต่ราคาถูกกว่า ศีกษารายละเอียดการเดินทางเข้าตัวเมืองได้ที่นี้ คลิก

เนื่องจากเที่ยวบินเราไปถึงสนามบินนาโงยา ตอนค่ำแล้ว จึงจองที่พักใกล้ๆสถานีรถไฟ พักก่อนพรุ่งนี้เช้าค่อยไป เกโระ คืนนี้พวกเราจอง รร The Royal Park Canvas Nagoya ที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ เดินออกจากสถานีรถไฟแล้วข้ามถนนก็เดินตรงไปเรื่อยๆก็เจอ เออ...ฟังดูเหมือนง่ายเนาะ ดู Google Map ก็ง่ายมาก แต่ตอนที่ลงจากรถไฟแล้วนี้สิ กว่าจะหาทางออกเจอ แต่ทุกปัญหามีออกเสมอ และเราก็หาทางออกจนได้ 😅

ใกล้ๆกับที่พักระหว่างทางเดินจาก The Royal Canvas Nagoya ไปสถานีรถไฟนาโงยา เจอร้าน อิชิรัน ราเมง (ราเมงข้อสอบ) ก็เลยลองแวะ มาญี่ปุ่นหลายครั้งแล้ว ใครๆก็พูดถึงราเมง ข้อสอบ แต่เราเพิ่งจะได้กินก็ทริปนี้แหละ 



ร้านราเมงอยู่ชั้น 2 


ต้องสั่งอาหารจากเครื่องนี้ก่อนเข้าไปรอคิวในร้าน มีเครื่องที่มีภาษาอังกฤษให้เลือก และจ่ายด้วย Travel Card (เทรเวลการ์ดค่ายไดก็ได้)ได้

ตอนยืนรอคิวเขาจะเอาเมนูมาให้เราเลือกเพิ่ม พอเข้าไปนั่งแล้วก็เอาบัตรสั่งอาหารที่เราได้จากเครื่องด้านหน้าให้เขาไปสักพักอาหารก็จะมาเสริฟ แล้วก็ได้กินอย่างสบายใจ สบายใจจริงๆนะ กินคนเดียวมิดชิดไม่มีใครมองเห็นด้านหน้าเราแบบนี้ จะกินหกเลอะเทอะยังไงก็ได้ 😂😂

เช้าตรู่ก็พากันออกเดินทางไป เกโระ ออนเซ็น พวกเราแบ่งกระเป๋าเล็กไปส่วนกระเป๋าใหญ่ก็ฝากไว้ที่ รร เพราะ อีก 3 วันจะกลับมาพักที่ รร นี้อีกครั้ง จากสถานีนาโงยา เราจะขึ้นรถไฟ JR สาย Limited Express หรือแต่ก่อนเรียกว่า  Hida Wide View ขบวนนี้จะวิ่งไปถึง ทายามา ส่วนเราจะลง กลางทางที่ เกโระ ออนเซ็น เลือกพักที่เรียวกัง Mutsumikan ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังสถานีรถไฟ สะดวกในการลากกระเป๋ามาก เราไม่ได้แช่ออนเซนสาธารณะนอกเรียวกัง แต่ ออนเซนในเรียวกัง ซึ่งก็น่าจะเหมือนกับออนเซนอื่นๆใน เกโระ จะบอกว่า ชอบออนเซนที่นี่มาก แช่แล้วจะรู้สึกลื่นๆ รู้สึกว่าผิวเนียนสบายจริงๆ


ป้ายที่เห็นคือเรียวกัง Mustumaikan ที่เราพัก เดินตรงไปก็จะเจอสะพานข้ามไปฝั่งในเมือง ถ้าเดินย้อนกลับก็จะเป็นสถานีรถไฟ




รายชื่อแขกที่จะเข้าพักที่ Mutsumaikan ในวันนี้


ติดกับเรียวกังที่พักจะมีร้านของที่ระลึก ข้ามถนนมาก็จะเจอสะพาน


เดินข้ามสะพานนี้ไปก็จะเข้าย่านตัวเมือง แต่เป็นเมืองเล็กๆเดินสบายๆ



ด้านล่างของสะพานจะเป็น ออนเซน funsenchi แต่ก่อนเหมือนจะให้คนลงแช่ได้ แต่ตอนที่เราไปมีป้ายบอกให้แช่แต่เท้าได้เท่านั้น ตอนเช้าๆ ตรงนี้วิวสวยมากมาก



ข้ามสะพานมาก็จะเป็นร้านขายของเยอะแยะ ร้านดังที่เวปไหนๆก็แนะนำคือ ไอติมไข่ออนเซน กับพุดดิ้ง


 อืมม...มันก็อร่อยดีนะ



เดินไปทางไหนก็เจอแต่กบ

เช้าวันต่อมาพวกเราก็ไปที่ Gassho-mura Village ค่าเข้าชมคนละ 800 เยน มีรถบัสที่ขึ้นจากหน้าสถานีรถไฟไปได้คนละ 100 เยน แต่เพื่อความสะดวกจึงให้ ทาง รร เรียกแท็กซี่ให้ ค่าแท็กซี่ไปถึง Gassho mura 800 เยน ถ้าไปตอนเช้าๆก่อนเข้าไปข้างในให้เดินลงมาที่ลานจอดรถก่อนจะมีตลาดชาวบ้านแถวนั้นเป็นตลาดเล็กๆมีไม่กี่ร้านค้า แต่วิวสวยมาก



Ideyu Morning Market ตลาดเช้าตรงลานจอดรถก่อนเข้า Gassho mura ร้านค้าไม่เยอะ แต่วิวเยอะ




                        บริเวณ Ideyu Morning Market ตลาดเช้าตรงลานจอดรถก่อนเข้า Gassho mura



                       
                       ตลาดเช้าด้านหน้าก่อนเข้า Gassho mura มีร้านค้าของชาวบ้านขายตอนเช้า






ภายใน Gassho Mura จะมีบ้านแบบชิราคาวาโกะตั้งแสดง ข้างในวิวสวยค่ะ


สไลเดอร์ยักษ์เกโร  เลือกถาดรองนั่ง และเตรียมเหรียญ 100 เยน ไปหยอดประตู แล้วเดินขึ้นเขาไปไกลพอสมควร แล้วก็สนุกกกกก 😃😃😃

พรุ่งนี้ไปต่อ.. เมืองแห่งสายน้ำ Gujo Hachiman ....