หน้าเว็บ

ค้นหาบล็อกนี้

04 กันยายน 2556

Kawaguchiko

ไปดูฟูจิซังที่คาวากูชิโกะ

ยู่โตเกียวมา 3 วัน 3 คืนแล้ว วันนี้ก็ถึงคิวไปดูฟูจิซังที่่ทะเลสาปคาวากูชิโกะกัน จากโตเกียวไปคาวากูชิโกะ ได้ทั้งรถไฟและรถบัส แต่รถไฟจะต้องเปลี่ยนขบวน 1 ครั้งเพราะรถไฟของเจอาร์ ไปไม่ถึงต้องเปลี่ยนเป็นขบวนรถไฟท้องถิ่่น มองเห็นสัมภาระที่กองอยู่ตรงหน้าก็เลยคิดว่าไปรถบัสท่าจะเหมาะกว่าเพราะไปรวดเดียวจากสถานีรถบัสชินจูกุก็ถึงเลย นี้ขนาดส่งกระเป๋าใบใหญ่ไปรอที่โอซากาแล้วนะ พูดถึงส่งกระเป๋าไปยังเมืองต่างๆในญี่ปุ่นก็แสนจะสะดวก หากพักโรงแรมที่มีหลายดาวหน่อยก็แจ้งที่ฟร้อนท์เลยว่าต้องการส่งกระเป๋ากี่ใบไปที่ไหน แต่หากพักโรงแรมดาวน้อยอย่างเราก็ไม่ยากเย็นอะไร ลากกระเป๋าปุเลงๆไปหาร้านสะดวกซื้อที่เปิด 24 ช.ม (จะไปส่งตอนตี 2 ก็ได้) อย่าง Seven Eleven , Mini Stop หรือ Lawson ซึ่งมีอยู่ทุกซอกมุม เหมือนร้านส้มตำไก่ย่าง หรือ ลาบยโส บ้านเรา แต่ต้องเตรียมที่อยู่ปลายทางไว้กรอกแบบฟอร์มด้วย ค่าส่งจะคิดตามขนาดของกระเป๋า ไม่เกี่ยงน้ำหน้ก วันนั้นส่งขนาดใหญ่ปานกลาง ตกใบละ 500 บาท

ตั๋วรถบัสไปคาวากูชิโกะ
สถานีรถบัสของฟูจิคิวไฮแลนด์ จะอยู่ใกล้กับสถานีรถใต้ดินชินจูกุ ลงรถไฟใต้ดินที่สถานีชินจูกุแล้วให้เดินออกทางด้าน West (ดูป้ายบอกทาง) รถบัสจะจอดอยู่ตรงข้ามร้านเครื่องไฟฟ้าชื่อดัง Yodobashi ถ้าเดินไม่ถูกก็ถามหาร้านนี้ก็ได้ ตอนไปมัวแต่งมหาที่จองตั๋วรถเลยไม่ได้ถ่ายรูป (รูปนี้เอาจากเวปอื่น) จองตั่วได้ที่ตีกที่เห็นหน้าต่างกระจกสีเขียวๆ ฟ้าๆนี้แหละ ถ้าซื้อแล้วรอขึ้นรถเลยก็ชั่นล่าง แต่ถ้าจองล่วงหน้าก็ขึ้นชั้นสอง ส่วนป้ายแดงๆใหญ่เห็นเด่นเป็นสง่านั้นแหละร้าน Yodobashi ตั๋วรถจะระบุเลขที่นั่งให้ด้วย



ช้เวลาประมาณ 2 ช.ม กว่าก็มาถึง คาวากูชิโกะ  นั่งหลับตลอดทางตื่นขึ้นมามองเห็นเขาฟูจิ ตกใจ ตื่นเต้นและดีใจ ปนกันไปหมดไม่รู้อารมณ์ไหน 555

สถานีรถบัสและรถไฟ Kawaguchiko ด้านหลังจะเห็นฟูจิลางๆเพราะฟ้าครึ้ม อากาศเย็นสบาย

ากภาพข้างบนด้านขวาจะเป็นห้องตู้ล๊อกเกอร์ ตู้ใหญ่ 600 เยน ตู้เล็ก 300 เยน ก็เอากระเป๋าใส่เข้าไปแล้วเตรียมเหรียญ 100 เยนหยอดลงไปก็ล็อกกุญแจได้เรียบร้อย ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็น Information เจ้าหน้าที่อัธยาศัยดีมาก ถามได้ทุกเรื่อง (แต่จะตอบทุกเรื่องหรือไม่ อันนี้ไม่แน่ใจ)  ข้างในอาคารก็ขายตั๋วรถและมีร้านขายกาแฟ ขนม เบอร์เกอร์ต่างๆ ห้องน้ำห้องท่ามีพร้อมสะดวกสะอาด (ไม่ต้องพกกระดาษไว้เช็ตฝาส้วมเพราะดูท่าทางเค้าคงไม่นิยมขึ้นไปยองยองบนโถนั่งแบบบ้านเรา 555) ส่วนด้านหน้าก็เป็นจุดจอดรถท่องเที่ยวประจำเมือง Retro Bus ถ้าเที่ยวที่นี่ 2-3 วัน ก็ซื้อตั๋วเหมาแบบ 3 วันเลยจะคุ้มกว่า ราคา 1300 เยน Retro Bus จะวิ่งจากหน้าสถานีคาวากูชิโกะ ไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆของเมืองอย่างครอบคลุมทุกจุด และยังใช้นั่งไปถึงทะเลสาป Saiko ได้อีกด้วย (ถ้ากลัวขาดทุนก็นั่งรถกินลมชมวิวๆเล่นๆ ไป-กลับ หลายรอบก็ได้ 55) ดูแผนที่จุดจอดรถได้ที่นี้ Retro Bus

Retro Bus หน้าตาดีทีเดียว

ตั๋วนี้ใช้ได้ 3 วัน เก็บให้ดี ทำหายต้องซื้อใหม่นะจ๊ะ 1300 เยน

ที่เที่ยวเยอะแต่เวลาไม่พอเพราะอยู่แค่ 2 วัน สงสัยต้องกลับไปเที่่ยวใหม่อีกรอบ :)

รงข้ามสถานีคาวากูชิโกะจะมีร้านอาหารชื่อ Hoto Fudo เสริฟบะหมี่ขามยักษ์อร่อยมาก (จริงๆแล้วมันเป็นหม้อ) แต่ประมาณบ่าย 3 โมงก็ปิดครัวแล้วนะ

เมนูแรก Hoto 1050 เยนนี้แหละ ต้องลองให้ได้

เสริฟเป็นหม้อโบราณยังงี้เลย นึกว่าจะกินไม่หมด
ที่ไหนได้...ไม่พอกิน 5555


เมนูนี้ก็อร่อย เป็นฟองเต้าหู้ห่อข้าวเหนียว (คนอีสานเจอข้าวเหนียวเป็นไม่ได้ เลยเรา 555)

บ้านสมุนไพร Herb Kan ตรงข้ามจะเป็นทะเลสาป คาวากูชิโกะ ข้างในร้านจะขายของที่ระลึกเน้นสมุนไพร ผลิตภํณฑ์ออแกนิค ทั้งหลายแหล่
ไอติมลาเวนเดอร์หน้าร้าน Herb kan อร่อยยยยย....หอมกลิ่นลาเวนเดอรมาก



เดินทะลุด้านหลังร้าน Herb kan มาก็จะเจอสวนสมุนไพร  และตึกสีขาวเทาที่เห็นก็เป็นร้านขายของที่ระทึกอีกร้านนึง



ทะเลสาปคาวากูชิโกะ

ฟ้าครึ้มอย่างงี้เลยมองไม่เห็นฟูจิซัง :(

ดอกกุหลาบที่ี้นี้ดอกใหญ่มาก คงเป็นเพราะอากาศดี




อาหารเย็นที่ Sakuya's Guesthouse ชุดนี้ 700 เยน 



ออนเซ็นที่เกสเฮาส์ บริการฟรี แถมจองเวลาส่วนตัวได้ห้องละ 1 ชม ต่อวันอีก สุดยอดด้วยวิวภูเขาฟูจิ ....ช่างสุนทรีย์อะไรเช่นนี้


ที่ Sakuya's Guesthouse ทุกห้องจะมองเห็นฟูจิซังได้ (ถ้าเมฆไม่บังเสียก่อนนะ)

บรรดาของที่ระลึกที่เมืองนี้ก็จะเน้นรูปทรงของฟูจิเป็นหลัก มีทั้งขนม, พวงกุญแจ, กระเป๋า  ฯลฯ

ขนมรูปเขาฟูจิ 


สวนวาเวนเดอรที่ Muse Museum นี้เป็นอีกหนึ่งป้ายจอดของ Retro Bus 

ลาเวนเดอร์กำลังเริ่มบานท่ามกลางหุบเขา ที่ Muse Museum kawaguchiko

อีกป้ายที่ Retro Bus จอดและจะต้องลงให้ได้ Music box forest museum ค่าตั๋วคนละ 1,300 เยน ดอกกุลาบนานาชนิดแข่งกันบานสะพรั่งเต็มสวน อย่าลืมดูน้ำพุเต้นระบำที่หอนาฬิกากลางสวนทุก ช.ม ด้วย 


Music box forest museum


าคาวากูชิโกะเที่ยวนี้เห็นฟูจิซังแค่วันแรกที่มาถึง พอวันรุ่งเมฆครึ่มทั้งวัน แถมฝนตกอีกด้วย ขึ้นกระเช้า Rope way ไปก็ไม่เห็นวิวฟูจิ เที่ยวได้ไม่กี่ที่เองฝนตกซะแล้ว อย่างงี้ต้องมาเที่ยวซ่อมอีกแน่ๆ  นัดให้ซาคูยะซัง เจ้าของเกสต์เฮ้าส์มารับที่สวนโออิชิ ก็ไปไม่ถึงเพราะติดน้องฝน เลยโทรให้เค้ามารับที่ Rope way station (รับ-ส่ง ฟรี) เค้ายังไม่ว่าง เลยส่งคุณแม่ขับรถมารับแทน Sakuya's Guesthouse นี้บริการประทับใจจริงๆ กลับไปนอนแช่น้ำแร่  ออนเซนที่เกสต์เฮาส์ดีกว่า .....


12 กรกฎาคม 2556

ตลาดผักสด Ark Hill Market Tokyo

ตั้งใจจะไป Earth Day Flea Market ที่โตเกียวแต่ตลาดนี้เปิดแค่เดือนละ 2 วันอาทิตย์ วันอาทิตย์ที่เราโตเกียวก็ดันไม่สัมพันธ์กับวันเปิดตลาด ก็เลยต้องเปลี่ยนแผนไปเดินตลาด Ark Hill Market ซึ่งเป็นตลาดผักสด ผลไม้ ที่เปิดทุกวันเสาร์ ตั้งแต่ 10 โมงไปจนถึงบ่าย 2 โมง จากที่พักเรา Oak Hotel ก็ต้องขึ้นจากฝั่งตรงข้ามโรงแรมแล้วไปลงที่สถานี G06 แล้วเปลี่ยนไปขึ้นสาย N06 ไปลงที่ N05 คือสถานี Roppongi Ichichome ออกจากสถานีทาง Exit 3 ไปยังตึก Ark Mori Building จากสถานีเดินตรงไปเรื่อยๆค่อนข้างสังเกตุยาก แวะถามยามของโรงแรมที่เดินผ่านก็ได้ (พนักงานโรงแรมส่วนมากจะพูดภาษาอังกฤษได้ดี) ตึกนี้ด้านหน้าจะมีร้านสตารบัค หรือแมคโดนัลด์ จำไม่ค่อยได้ เดินเข้าไปในอาคารจะมีบันไดเลื่อนอยู่ตรงหน้าเลย ขึ้นไปชั้นสองแล้วเดินทะลุออกไปด้านหลังสุดก็เจอตลาด

ตลาดอยู่บนชั้นสองของอาคารตรงบริเวณด้านหน้าป้ายนี้แหละ

พื้นที่ไม่ใหญ่โตแต่ดูดีสะอาดสะอ้าน สินค้าเน้นคุณภาพมาก

ไปถึงก็ลองนี้ก่อนเลย ซุปข้าวโพด

เดินตลาดนี้แล้วรู้สึกมีความสุขมาก บรรยากาศจริงน่าเดินกว่าในรูปนี้มาก

ทั้งพ่อค้า แม่ค้า และสินค้าทำให้เพลิดเพลินในการเลือกซื้อ 

ผักกาดขาวอวบน่ากิน


นางชิมทุกร้านเลยนะ และนางก็ซื้อเกือบทุกร้านเหมือนกัน

มะเขือเทศนี้ก็อร่อย...หวานอมเปรี้ยวนิดๆ

ขนมก็เป็นแบบทำเองเอามาขายที่ตลาดวันเสาร์

แม่ค้าัวัยรุ่นขายผักกันอย่างสนุกสนาน (ไม่รู้โรงเรียนให้ปลูกผักเอาขายรึเปล่า )

เห็ดอาไรก็ไม่รู้ เอามาแกงไก่ใส่หน่อไม้กับใบย่านาง คงอร่อยน่าดู

ร้านนี้ บรรดา ส.ว. เค้าขายเครื่องประดับแฮนแมดเพื่อการกุศลเอาเงินไปช่วย เรฟูจี



มีโต๊ะให้นั่งกิน นั่งพักอยู่ 3-4 โต๊ะ

ขากลับนั่งอยู่ในรถไฟใต้ดิน อยู่มีหนอนที่ติดมากับผักไต่ออกมาจากกระเป๋าเป้สีดำ หล่นตุ๊บลงพื้น 5555555 คิดดูผักหน่ะสดและปลอดสารพิษแค่ไหน





เมืองขนมหวาน บ้านโบราณ Kawagoe

Kawagoe เป็นเมืองเล็กอยู่ในเขตจังหวัดไซตามะ ห่างจากโตเกียวเพียง 30 นาทีโดยรถไฟ จึงเหมาะแก่การเทึ่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับ จะขึ้นจากสถานี Shinjuku หรือ Ikebukuro ก็ได้ เราเลือกอันใกล้ที่พักก็คือ Ikebukuro โดยขึ้นจากสถานีใกล้ที่พักคือ สถานี Inaricho โดยต้องข้ามถนนไปขึ้นฝั่งตรงข้ามกับโรงแรม Oak hotel ขึ้นจากป้าย G17 ไปลง G15 แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีชมพู คือขึ้นที่ป้าย E09 ไปลงที่ E08 แล้วเปลี่ยนขบวนเป็น M21ไปลงที่ M25 คือสถานี (ต้องดูแผนที่เมโทรตามด้วยจึงจะเข้าใจสถานี) แล้วหาชานชลาของสาย JR (รถไฟบนดิน) ให้ดููููตามบอร์ดบอกเวลาและขบวนรถ คล้ายกับที่สนามบิน จะมีให้เลือกหลายสาย แบบเร็วแบบช้า แบบด่วน แบบไปเรื่อยๆ แล้วแต่ต้องการ รถไฟไป Kawagoe เห็นมีวิ่งถึ่ๆกันมากเลย บนรถไฟก็จะมีเสียงหวานแหว๋วประกาศชื่อสถานีไปเรื่อยๆ แต่ฟังไม่รู้เรื่องหรอก ถามคนที่นั่งข้างๆเอาก็แล้วกันว่า Where is Kawagoe ? ไม่ต้องถามยาวเพราะเค้าไม่รู้เรื่องหรอกเน้นๆเอาที่ชื่อสถานที่ ที่เราต้องการจะไปก็พอ

พอถึงสถานี Kawagoe แล้วเดินออกมานอกประดู จะเห็นป้ายแผนที่อันใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าสถานี เดินผ่านมาด้านซ้ายจะเป็นห้างใหญ่ เดินลงบันไดมาเพื่อขี้นรถบัสตรงป้ายจอดหมายเลข 3 ซึ่งเป็นรถ Loop Bus ค่าตั๋วเหมา 1 วัน คนละ 300 เยน ซื้อตั๋วที่โต๊ะหน้ารถบัสแล้วจะได้ตั๋วกับแผนที่มา


Loop bus จะจอดป้ายตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ดูตามแผนที่เอา จุดใหญ่ๆก็ตรงหอระฆัง และเมืองเก่า ตรงสถานีรถไฟจะเป็นเมืองใหม่ทันสมัยด้วยห้างสรรพสินค้า แต่พอเข้าเขตเมืองเก่าแล้วจะเหมือนคนละขั่วเลย

จุดแรกที่ลงเป็นวัดอะไรรู้ชื่อ เห็นคนลงเยอะก็ลงตาม :)

เดินเข้าไปในวัดจะมีร้าน (เพิงหมาแหงน) ขายมันเคลือบน้ำตาล ร้านข้าวเกรียบอยู่ 2-3 ร้าน พอเดินผ่านคุณป้าเจ้าของร้านก็เรียกให้ชิม ให้มาตั้ง 3 ชิ้นใหญ่ เป็นเทศอร่อยมากแต่ยังอิ่มอยู่ เลยไม่ได้อุดหนุนคุณป้า 

ทุกวัดที่ญี่ปุ่นจะมีบ่อน้ำให้ล้างมือก่อนไหว้พระ

สวนญี่ปุ่นมีให้เห็นทั่วทุกที่ ที่ไปเที่ยว

รูปทรงของวัด (เปรียบได้กับโบสถ์บ้านเรา) จะคล้ายกันแบบนี้


คุณลุงคนนี้ขายทาโกะยากิ

ร้านเดินผ่านแล้วไม่เรียกให้เราชิม เลยเดินเข้าไปขอชิมเองซะเลย แล้วก็ไม่ได้ซื้อเพราะไม่ชอบรสชาด

เห็นตอนแรกนึกว่าร้านก๋วยเตี๋ยว แต่เป็นร้านขายมันเคลือบน้ำตาล

ถนนหนทางทุกที่จะสะอาดมาก ไม่มีแม้แต่ก้นบุหรี่ (ก็เขาไม่ให้สูบบุหรี่ตามท้องถนนนี่นา...ข้าราชการบ้านเราก็ขนกันไปดูงานที่ญี่ปุ่นก่อนบ่อยๆ แต่ไม่เห็นจะนำมาพัฒนาอย่างเค้าเลย)

ตรงหน้าป้ายจอดรถ loopbus ป้ายหน้าวัดจะมีร้านขายขนมที่ส่วนใหญ่ทำมาจากมันเทศ เดาว่าแถวนี้คงปลูกมันเทศกันเยอะ คนญี่ปุ่นกับชุดกิโมโนมีเห็นเป็นปกติ ดูงดงามมาก

หน้าร้านขายขนมหวาน


เดินเที่ยววัดและซื้อขนมเสร็จสรรพ ก็กลับมารอรถ loop bus (ป้ายเดิมที่ลง) เพื่่อจะไปหอระฆัง จากหอระฆังเดินไปเดินมา ก็ทะลุมาถนนบ้านโบราณ

สองข้างทางของถนนสายนี้เรียงรายไปด้วยบ้านโบราณ และนักท่องเที่ยวที่เยอะมากๆ

เดินจนเหนื่อยร้านอาหารก็ค่อนข้างเต็มทุกร้าน

ร้านนี้พอมีที่นั่ง ไม่รู้จะสั่งอะไรพูดไม่รู้เรื่อง ชี้ใส่นี้เลย ดังโงะ...น่าตาดีกลิ่นแป้งย่างของดังโงะก็หอม แต่รสชาดไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่

เหมือนข้าวจี้บ้านเรา อยากลอง แต่ดังโงะเจ้ากรรม 3 ไม้ครึ่งทำให้แน่นท้อง

แตงซูกินีแช่เย็นเสียบไม้ รสมันออกเค็มๆปะแล่มๆ

ร้านนี้ขายสารพัดผักดองและสารพัดให้ลองชิม หลายอย่างอร่อยมาก

มาที่ญี่ปุ่นนี้ชิมกันมันส์จริงๆ ไม่รู้รสไหนเป็นรสไหน เจ้าของร้านไม่หวงเลย ชิมแล้วไม่ซื้อก็ไม่ด่าเหมือนบ้านเรา...เอ...หรือว่าเค้าด่าแต่เราฟังไม่รู้เรื่อง 55555



ไม่ว่าร้านเล็กร้านใหญ่ ส่วนมากจะมีที่ให้นั่่งกินอยู่หน่อยนึง ร้านขายไอติมมีอยู่ทุกหนแห่งเหมือนร้านลาบยโส 

ร้านขายของเต็มไปหมด

จากถนนเมนที่เป็นบ้านโบราณจะมีทางแยกเพื่อไป ซอยขนมหวาน Candy alley



งาน Hand made ราคาค่อยข้างแพง


เดินมาเจอกิ่งก่าตัวนี้ก็เลี้ยวขวาแล้วจะเจอซอยขนมหวาน

ที่ซอยขนมหวานจะมีแต่ร้านขายขนมหวานเต็มทั้งซอยเลย....เ็ห็นอะไรก็อยากลองชิมไปหมด เกิือบทุกชิ้นหน้าตาน่ากินมาก แต่ไม่ทุกชิ้นหรอกนะที่อร่อย ซื้อมาแล้วจะทิ้งก็เสียดายตังค์ฝืนทนกินเข้าไปแล้วก็ต้องเสียเงินซื้อน้ำกินอีก 55555555...กินไม่ลงแล้วกลับโตเกียวดีกว่า :) พรุ่งนี้จะไปตลาดนัดผักสด Ark Hill Market